การคิดอย่างมีเหตุผลของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมศิลปสร้างสรรค์
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ชื่อผู้วิจัย : สายทิพย์ ศรีแก้วทุม
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
จุดมุ่งหมาย
เพื่อเปรียบเทียบความสามารถการคิดอย่างมีเหตุผลของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์กับกิจกรรมสร้างสรรค์แบบปกติ
ความสำคัญของการศึกษาค้นคว้า
การศึกษาครั้งนี้เป็นการเปรียบเทียบผลของการจัดกิจกรรมศิลปสร้างสรรค์โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์กับกิจกรรมสร้างสรรค์แบบปกติ ซึ่งทำให้ได้ข้อสรุป ถึงวิธีการที่จะส่งผลต่อการพัฒนาการคิดอย่างมีเหตุผลของเด็กปฐมวัย และจะเป็นแนวทางใหม่สำหรับครูแลพผู้เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา
ปฐมวัย ที่จะนำไปใช้เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนต่อไป
สมมุติฐานในการศึกษาค้นคว้า
เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์กับกิจกรรมศิปสร้างสรรค์แบบปกติมีการคิดอย่างมีเหตุผลแตกต่างกัน
วิธีการดำเนินการศึกษาค้นคว้า
- กลุ่มตัวอย่าง
ในการศึกษาครั้งนี้กลุ่มตัวอย่างคือ เด็กปฐมวัยอายุระหว่าง 5-6 ปี ชั้นอนุบาลปีที่ 2ภาคเรียนที่1
ปีการศึกษา 2541 โรงเรียนบ้านทรัพย์สมบูรณ์ สังกัดสำนักงานการประถมศึกษา จังหวัดขอนแก่น
โดยการสุ่มอย่างง่ายด้ยการจับฉลากจากห้องเรียนทั้งหมด 2 ห้องเรียน มา1 ห้องเรียน
นิยามศัพท์เฉพาะ
1.เด็กปฐมวัย หมายถึง นักเรียนชาย - หญิง อายุ 5-6 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาลปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2541 โรงเรียนบ้านทรัพย์สมบูรณ์ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ
2.การคิดอย่างมีเหตุผล หมายถึง กระบวนการรับรู้และเข้าใจสิ่งต่างๆ โดยใช้หลักข้อเท็จจริงรวมทั้งประสบการณ์มาใช้เป็นข้อมูล ในการหาคำตอบเรื่องใดเรื่องหนึ่ง สามารถวัดได้จากแบบทดสอบวัดความสามารถคิดอย่างมีเหตุผลที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นประกอบด้วยการคิดอย่างมีเหตุผล 5 ด้าน คือ
- การจำแนก หมายถึง ความสามารถในการจัดกลุ่มสิ่งของ
- การจัดประเภท หมายถึง ความสามารถในการจัดหาสิ่งของ
- การอุปมาอุปมัย หมายถึง ความสามารถในการหาความสัมพันธ์ของภาพของภาพคู่แรกกับคู่สองที่มีลักษณะความสัมพันธ์เป็นแนวเดียวกัน ซึ่งมีทั้งภาพเหมือนจริงและรูปทรงเลขาคณิต
- อนุกรม หมายถึง ความสามารถการหาลำดับความเปลี่ยนแปลงอย่างมีะบบของภาพที่กำหนดให้ว่าสัมพันธ์กันอย่างไรโดยหาแนวโน้มภาพชุดแรกก่อน แล้วตอบได้ว่าถาพต่อไปควรเป็นภาพใด
- การสรุปความ หมายถึง ความสามารถในการสรุปผลจากเรื่องที่กำหนดมาให้
3.กิจกรรมศิลปสร้างสรรค์ หมายถึง กิจกรรมศิลปะประจำวันซึ่งกำหนดในช่วงเวลากิจกรรมสร้างสรรค์ ประกอบด้วย การวาดภาพระบายสี การปั้น การพิมพ์ภาพ การพับ ฉีก ตัด แปะ และประดิษฐ์วัสดุต่างๆ การวิจัยครั้งนี้จำแนกเป็น 2 ลักษณะ คือ
- กิจกรรมศิลปสร้างสรรค์แบบปกติ
- กิจกรรมศิลปสร้างสรรค์โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ใช้กระบวนการขั้นตอน ดังนี้
1.รับรู้ประเด็นปัญหา หมายถึง ครูกำหนดเงื่อนไขในการทำกิจกรรมเพื่อให้เด็กเกิดปัญญา
2.ทดลองปฏิบัติ หมายถึง เด็กพิจารณาปัญหาและเลือกวิธีแก้ปัญหาและลงมือทำกิจกรรมเพื่อแก้ปัญหา
3.ตอบคำถาม หมายถึง เด็กตอบคำถามจากประเด็นปัญหาที่เป็นเหตุและผลที่ได้รับ
4.สรุป หมายถึง เด็กร่วมกันสรุปความรู้ที่ได้จากกิจกรรม
ตัวแปรอิสระ ได้แก่ กิจกรรมศิลปสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัย ซึ่งแบ่งเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้
- กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
- กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์แบบปกติ
ตัวแปรตาม ได้แก่ การคิดอย่างมีเหตุผล
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า
1.แผนการจัดกิจกรรมศิลปสร้างสรรค์
2.แบบทดสอบวัดความสามารถการคิดอย่างมีเหตุผล
วิธีการดำเนินการทดลอง
1.ทำความคุ้นเคยกับเด็กนักเรียนที่เป็นกลุ่มตัวอย่างรวมระยะเวลา 1 สัปดาห์
2.ทำการทดสอบก่อนการทดลองกับเด็กด้วยแบบทดสอบวัดความสามารถการคิดอย่างมีเหตุผล 5 ด้าน ด้านละ 10 ข้อ รวม 50 ข้อ
3.ผู้วิจัยดำเนินการทดลองด้วยตนเองกับกลุ่มตัวอย่างทั้ง 2 กลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มทำกิจกรรมทุกวัน
วันละ 20 นาที เป็นเวลา 8 สัปดาห์ ๆ 5 วัน รวม 40 ครั้ง
4.เมื่อสิ้นสุดการทดลอง ผู้วิจัยทำการทดสอบหลังการทดสอบทั้ง 2 กลุ่มด้วยแบบทดสอบวัดความสามารถการคิดอย่างมีเหตุผล ชุดเดียวกับที่ทดสอบก่อนทำการทดลอง
สรุป
เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมศิลปสร้างสรรค์โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์กับแบบปกติหลังการทดลองมีความสามารถด้านการคิดอย่างมีเหตุผลแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่
ระดับ .05
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น